ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนจับตาสถานการณ์โควิดและกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังมีการเปิดประเทศ ก่อนที่เงินบาทจะปิดตลาดที่ระดับ 33.85/87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/10) ที่ระดับ 33.77/79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/10) ที่ระดับ 33.87/89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 500,000 ตำแหน่ง หลังจากแตะระดับ 366,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1% จากระดับ 5.2% ในเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% ซึ่งนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้กล่าวถึง การเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของสภาคองเกรส และเธอมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วสภาคองเกรสจะอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 50 ต่อ 48 ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเป็นการชั่วคราว โดยเพิ่มเพดานหนี้อีก 4.80 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์ไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม จากปัจจุบันที่ระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์
นางเยลเลนกล่าวว่า หากสภาคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็จะส่งผลให้บางประเทศลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐและทำให้ความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ลดลงด้วย
สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้นยังคงต้องจับตาสถานการณ์โควิดและกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากมีการเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศนั้นยังมีความเสี่ยงที่อาจเผชิญภาวะ เศรษฐกิจชะลอตัว เติบโตต่ำและเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมาก จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินบาท
ทั้งนี้สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เผชิญอยู่เวลานี้ คือ รายได้ชะลอตัว หนี้สิน การว่างงาน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องเร่งดำเนินการนโยบายเข้มงวดทางการเงินเพิ่มขึ้น หรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ เพราะช่องว่างการผลิต (Output Gap) ของเศรษฐกิจไทยยังติดลบค่อนข้างมาก
โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 33.78–33.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.85/87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้านี้ (11/10) ที่ระดับ 1.1575/77 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/10) ที่ระดับ 1.1555/57 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร หลังจากค่าเงินดอลลาร์มีการพักฐานจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1555–1.1587 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1554/56 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/10) ที่ระดับ 112.40/42 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/10) ที่ระดับ 111.87/89 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐจะปรับตัวลดลงแต่ค่าเงินเยนยังคงได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างผลตอบแทนพันธรัฐบาลที่ทยอยปรับตัวเพิ่มมากขึ้น จากการคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 112.40–112.95 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 112.95/97 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ส.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาสินค้านำเข้า/ส่งออกเดือน ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน ต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อ 21-22 ก.ย.
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +0.80/+0.90 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +2.40/+3.60 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับ: เงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐต่ำกว่าคาดการณ์
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน