ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ เตรียมถึงกำหนดจ่ายดอกเบี้ยรอบแรก 23 ก.ย.นี้ คาดเสี่ยงผิดชำระหนี้หลังบริษัทคาดสภาพคล่องอย่างหนัก ด้านนักลงทุนกังวล”โดมิโนเอฟเฟ็กซ์” กระทบตลาดหุ้นอสังหาฯ พากันร่วงไม่ต่ำกว่า 5% ขณะที่ประเมินกองทุนจากบลจ.ไทยได้รับผลกระทบเบาบางจากสัดส่วนการลงทุนที่ต่ำ
วันที่ 21 กันยายน 2564 นายรัฐิติ ขันติพะโล Portfolio Specialist FINNOMENA กล่าวว่า ปัจจุบันไชน่าเอเวอร์แกรนด์ มีหนี้สินอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ราคาหุ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมาปรับตัวลงมาอย่างหนัก มูลค่าหายไปกว่า 80-90%
ส่วนในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าเอเวอร์แกรนด์ มีกำหนดการที่จะต้องจ่ายคูปองพันธบัตรหรือดอกเบี้ยพันธบัตร คิดเป็นมูลค่า 85 ล้านดอลลาร์ โดยกำหนดจ่ายวันที่ 23 ก.ย.นี้ และอีกกว่า 47 ล้านดอลลาร์ กำหนดจ่าย 29 ก.ย.นี้เช่นกัน นอกจากนี้ในปีหน้าเอเวอร์แกรนด์มีหนี้ที่ต้องชำระอีกราวๆ 7.4 พันล้านดอลลาร์ ที่เตรียมจะกำหนดเข้ามาเรื่อยๆ
ทั้งนี้หากเอเวอร์แกรนด์มีการผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดการดังกล่าวจะกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะสร้างความกังวลว่าเอเวอร์แกรนด์จะถึงคราวล้มละลายหรือไหม เนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
โดยล่าสุด (18 ก.ย.) ทางรัฐบาลจีนได้มีการอีดฉีดเงิน 9 หมื่นล้านหยวน หรือ 14 พันล้านดอลลาร์ เข้าสู่ระบบผ่านการกู้ยืมระยะสั้นอายุระหว่าง 7 และ 14 วัน เพื่อป้องกันสภาพคล่องตึงตัวที่เกิดจากเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งนับว่าเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องภายใน1วันที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่ธนาคารแห่งชาติจีนเคยทำ ตั้งแต่เดือนก.พ.64 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเอเวอร์แกรนด์ยื่นข้อเสนอจ่ายคืนหนี้ให้นักลงทุน โดยคิดเป็นส่วนลดสำหรับซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ แทนการจ่ายเป็นเงินสดให้กับนักลงทุน
ด้านนายชยนนท์ รักกาญจนันท์ Co-Founder FINNOMENA กล่าวว่า จากประเด็นของเอเวอร์แกรนด์ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังหุ้นอสังหาฯตัวอื่นๆ ให้ติดลบลงไปโดยส่วนใหญ่ติดลบไม่ต่ำกว่า 5 % เนื่องจากความกังวลเรื่องการผิดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ทำให้นักลงทุนต่างพากันกังวลถึงการผิดชำระหนี้ของบริษัทอื่นๆ ทำให้ราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นๆ พากันดึงลงไปด้วยถึงแม้ว่าปัญหาหนี้จะยังไม่ได้กระทบ ซึ่งเป็นโดมิโนเอฟเฟ็กซ์ ที่ตลาดกำลังกังวลและต้องการให้ทางรัฐบาลจีนเข้ามาดูแลเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดโดมิโนเอฟเฟ็กซ์ ที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจของจีนในภาพรวมไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ด้านค่าเงินหยวนเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอ่อนค่าลงมาทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันและกำลังจะทะลุ 200 วัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่นักลงทุกแห่เทขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในสกุลเงินที่ความปลอดภัยจากประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของอสังหาริมทรัพย์ในจีน
สำหรับกองทุนในไทยที่ลงทุนในเอเวอร์แกรนด์ในประเภทตราสารหนี้ จะมีกองทุน KFAHYBON ถือหุ้นเอเวอร์แกรนด์อยู่ที่ 1.7% กองทุน MCBOND และ KT-CHINABOND ที่มีกองหลักกองเดียวกัน ถือหุ้นเอเวอร์แกรนด์อยู่ 0.5% ขณะที่ประเภทหุ้นจะมี Tisco China ถือหุ้นเอเวอร์แกรนด์อยู่ที่ 0.1% ซึ่งนับเป็น% ที่น้อยมากๆ
ฉะนั้นภาพรวมกองทุนที่บลจ.ลงทุนในเอเวอร์แกรนด์นั้นได้รับผลกระทบไม่ได้มากนัก อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่มีประเด็นเอเวอร์แกรนด์แต่บรรยากาศ (Sentiment) ของตลาดยังคงโดนกดดันจึงทำให้มีการปรับฐานตามตลาดเช่นกัน
อ่านข่าวต้นฉบับ: เอเวอร์แกรนด์ ส่อผิดนัดชำระหนี้ หวั่น “โดมิโนเอฟเฟ็กซ์” ตลาดอสังหาฯ
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน