ชื่อ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อปรากฏข่าวว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ยักษ์ใหญ่แห่งวงการพลังงาน ซึ่งเขานั่งในตำแหน่ง กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แจ้งความประสงค์ที่จะลงทุนในหุ้นทั้งหมดของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ สิงคโปร์เทเลคอมมูนิเคชันส์ หรือ Singtel
“ประชาชาติธุรกิจ” ถ่ายทอดเรื่องราวของ “สารัชถ์” หรือ “เสี่ยกลาง” นักธุรกิจที่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อบ่อยนัก ทว่าในทางธุรกิจกลับมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง
“สารัชถ์” จากสายเลือดทหารสู่นักธุรกิจ
“สารัชถ์” อายุ 56 ปี เป็นบุตรของ พล.อ.ถาวร รัตนาวะดี กับ ประทุม รัตนาวะดี (น้องสาวของ วารินทร์ พูนศิริวงศ์ เจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า) โดยเขาเป็นลูกชายคนกลาง มีพี่ชายชื่อ “สาณิต รัตนาวะดี” และน้องชายชื่อ “สฤษดิ์ รัตนาวะดี”
พล.อ.ถาวร บิดาของเขา ตามข้อมูลจากคอลัมน์ลึกแต่ไม่ลับ ในมติชนสุดสัปดาห์ ระบุว่า จบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จปร.5 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร, พล.อ.วิมล วงศ์วานิช และ พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี
เลือดทหารของ “สารัชถ์” เข้มข้นขึ้นไปอีก เมื่อสืบไปถึงรุ่นปู่คือ พล.ต.พระอุดมโยธาธิยุต (สด รัตนาวะดี) อดีตสมาชิกคณะราษฎร 2475 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม ให้เป็น ผู้อำนวยการสร้างเมืองหลวงใหม่ เมื่อปี 2486 ตามข้อมูลจากศิลปวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม “สารัชถ์” ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะเป็นทหารตามรอยบิดาและปู่ หากพิจารณาจากประวัติการศึกษา ซึ่งจบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนบินลัดฟ้าไปสหรัฐอเมริกา คว้าปริญญาโท วิทยาศาสตร์ สาขาการจัดการทางวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย
แม้จะไม่ได้เรียนด้านทหาร แต่ “สารัชถ์” ก็มีเพื่อนที่เป็นลูกทหาร ทายาท จปร.5 ด้วยกัน คือ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี หรือ “รองอ๊อบ” รองเสนาธิการทหารบก ซึ่งปีนี้ต้องลุ้นว่าจะได้โยกกลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือไม่ และอนาคตจะได้ชิง ผบ.ทบ.หรือไม่ ตามรายงานของมติชนสุดสัปดาห์
ภรรยาเสริมบารมี
นอกจากคอนเนกชั่นทหารของบิดาและคอนเนกชั่นธุรกิจสื่อของมารดา ภรรยาของเขาคือ “นลินี” ยังเป็นอีกคนที่หนุนส่งให้คอนเนกชั่นของเขาขยายไปได้อีกไกล
“นลินี” เป็นลูกสาวของ “รักษ์ ตันติสุนทร” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาล “ชวน หลีกภัย” (ครม.53) และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก 2 สมัย
ข้อมูลหอการค้าตาก ระบุว่า บนสนามการเมืองของจังหวัดตาก “ตันติสุนทร” เป็นอีกตระกูลหนึ่งที่สร้างคุณประโยชน์รอบด้าน เช่นเดียวกันกับสนามธุรกิจ นับกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทอย่างสูงในแวดวงของอุตสาหกรรมเหมืองแร่, อุตสาหกรรมกระดาษ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยมีรากฐานเติบโตมาจากร้านค้าโชห่วยตามสไตล์การทำมาค้าขายของคนจีนบนผืนแผ่นดินไทย
ต้นตระกูล “ตันติสุนทร” คือ “แฮ่ช้ง แซ่ตั้ง” หนุ่มชาวจีนอายุ 18 ปี ที่เป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก เขาเดินทางรอนแรมข้ามน้ำข้ามทะเลจากเมืองจีน เพื่อมาปักหลักที่อำเภอเมือง จังหวัดตาก ก่อนบุกเบิกธุรกิจร้านค้าของชำ “ตั้งซ้งกี่”
สำหรับ “นลินี” นั้น จบการศึกษาปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 27 นอกจากนี้ เธอยังเข้าร่วมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน รุ่นที่ 20 (มี.ค.-ก.ค.58) ซึ่งเมื่อตรวจสอบรายชื่อเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น จุติ ไกรฤกษ์, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร, ธีรยุทธ จิราธิวัฒน์, นิติ โอสถานุเคราะห์, แพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ, ปรีดี ดาวฉาย, พรทิวา นาคาสัย ฯลฯ
ปัจจุบัน “นลินี” ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิพลังงานไทย ซึ่งมี “พรชัย รุจิประภา” เป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดย “พรชัย” นั้น เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เมื่อปี 2558
“สารัชถ์” กับ “นลินี” มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ “สาริศ” กับ “สิตมน”
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รายละเอียดระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 50 คน หนึ่งในนั้นคือ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ได้รับพระราชทานเครื่อราชอิสริยาภรณ์ ประถมาภรณ์มงกุฎไทย และ นางนลินี รัตนาวะดี ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
เส้นทางธุรกิจพลังงาน
ธุรกิจพลังงานของ “สารัชถ์” เริ่มต้นขึ้นภายหลังนโยบายรัฐบาล เรื่องแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชน ในรูปแบบโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2531 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ ซึ่งบริษัทเอกชนที่สามารถผ่านเกณฑ์การพิจารณาและลงนามในสัญญาร่วมกับ กฟผ. มีทั้งหมด 7 ราย
1 ใน 7 รายนั้นคือ บริษัท กัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอร์เรชั่น ของ “สารัชถ์” ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยบริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.เป็นเวลา 25 ปี
ต่อมา บริษัท กัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอร์เรชั่น ย้ายโรงไฟฟ้าจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มายัง จ.สระบุรี ในปี 2546-2547 โดยเปลี่ยนจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมาเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หลังรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ประกาศยกเลิกการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบ่อนอกและหินกรูดที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
จากนั้น “กัลฟ์” ก้าวผ่านยุคสมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สู่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ในยุครัฐประหาร คสช. 22 พฤษภาคม 2557 ชื่อของ “สารัชถ์” อยู่ในบัญชีนักธุรกิจ ที่ถูกเรียกให้ไปรายงานตัว เช่นเดียวกับนักธุรกิจอีกนับร้อยคน
ยุครัฐบาล “ประยุทธ์ สมัยที่ 2” เขาเป็น 1 ใน 20 นักธุรกิจ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งจดหมายถึงเพื่อขอความเห็นในการแก้วิกฤติโควิด-19
ด้วยสถานภาพของ “สารัชถ์” ที่เป็นศิษย์เก่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บนเวทีดินเนอร์ทอล์ก ชุมนุมศิษย์เก่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เขาจึงถูกเลือกขึ้นโชว์วิสัยทัศน์
ร่วมกับเครือข่าย “วิศวะ จุฬา” ที่เต็มไปด้วยบุคคลวีไอพี ทั้งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน , นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ ,นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย หรือ “TMB” โดยมี ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในเวทีครั้งนั้น เขากล่าวว่า ส่วนสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศ จะลงทุนหรือไม่ลงทุน เขามองเรื่องเสถียรภาพการเมือง อยากให้มีความต่อเนื่อง เขาจึงเห็นด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศแข็งแกร่ง
เขายังเสนอด้วยว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต้องทบทวน เพราะยุทธศาสตร์ชาติ เขียนขึ้นก่อนเกิดโควิด แต่โลกหลังโควิด จะไม่เหมือนเดิม เสนอให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ๆ ลงทุนกันมาก ๆ
ด้วยการร่วมวงทำประโยชน์บริจาคเพื่อสังคมในนามบริษัทและในนามส่วนตัว ซึ่ง “สารัชถ์” ทำมาช้านานแล้ว ทำให้ชื่อของเขา เข้าหู-เข้าถึงแกนกลางอำนาจฝ่ายรัฐบาลได้
ต่อยอดสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน
ไม่เพียงธุรกิจพลังงาน “สารัชถ์” ยังต่อยอดกิจการ ด้วยการเข้าร่วมกับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วย บจ.พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และ บจ.ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จากประเทศจีน กำชัยชนะประมูลสัมปทาน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ระยะที่ 1 ท่าเทียบเรือ F วงเงิน 84,361 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังชนะประมูลสัมปทานโครงการท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ในนาม บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ได้รับสิทธิ์ในการประกอบกิจการบนพื้นที่ 200 ไร่ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โครงสร้างพื้นฐานหลัก ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
นอกจากนี้ยังเข้าร่วมกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป ผงาดเป็นผู้ชนะประมูล โครงการติดตั้งและบริหารระบบเก็บเงิน (O&M) มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี รูปแบบ PPP gross cost ระยะเวลา 30 ปี ด้วยวงเงิน 39,138 ล้านบาท
หลังเปิดฉากเทกโอเวอร์ “อินทัช” ได้วันเดียว “GULF” ประกาศ ซื้อหุ้นของบริษัท ปตท.จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD) จากบริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด (CPBE) 2% ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 130 ล้านบาท โดยได้เข้าลงนามสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement) กับ CPBE พร้อมทั้งดำเนินการโอนหุ้นในวันที่ 20 เม.ย. 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน PTT NGD ประกอบด้วย PTT ถือหุ้น 58% และ GULF ถือหุ้น 42%
แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีที่ 2
เมื่อเดือนธันวาคม 2563 วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2563
ปรากฏว่า เศรษฐีหุ้นไทยปี 2563 ยังคงเป็นของ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 115,290 ล้านบาท รวยลดลง 5,670 ล้านบาท หรือ 4.69% ซึ่งสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในสัดส่วน 35.44%
“สารัชถ์” เฉือนเอาชนะทั้ง น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ถือหุ้นบางกอกแอร์เวย์ส-โรงพยาบาลกรุงเทพ/นนทเวช รวมถึง “นิติ โอสถานุเคราะห์” นักลงทุนรายใหญ่ทายาทอาณาจักรโอสถสภา, “วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ” ประธานกรรมการกลุ่มบริษัททีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA ไม่เว้นแม้แต่ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี”
การเข้าเทกโอเวอร์ ธุรกิจโทรคมนาคม หมายเลข 1 ของประเทศไทย อย่างอินทัช จะทำให้ “สารัชถ์” เป็นนักธุรกิจชั้นนำ ที่กุมเส้นเลือดใหญ่ของโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ทั้งในสาขาพลังงาน และสาขาโทรคมนาคม อันเป็นธุรกิจแห่งอนาคตระดับโลก
GULF ต้องการเทคโอเวอร์ INTUCH โบรกฯ คาดใช้เงิน 1.7 แสนล้าน
GULF กำเงิน 1.6 แสนล้าน ซื้อ INTUCH เตรียมปิดดีล ก.ค. 64
“สิงเทล” แถลงการณ์ถือหุ้น INTUCH-ADVANC ลงทุนยาว หลังกัลฟ์จ่อเทคโอเวอร์
GULF เส้นทางลงทุน ภายใต้วิสัยทัศน์ “สารัชถ์ รัตนาวะดี”
อ่านข่าวต้นฉบับ: สารัชถ์ รัตนาวะดี แม่ทัพ GULF ทายาททหารสู่นักธุรกิจซูเปอร์คอนเนกชั่น
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวการเงิน #การเงินการลงทุน