EEC – Mitsubishi Electric และเครือข่ายพันธมิตรไทย-ญี่ปุ่น เปิดแผน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ผ่านโครงการ EEC Automation Park ดึงระบบ 5G เพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพิ่มทักษะบุคลากร ลดต้นทุนภาคการปลิต เพิ่มมูลค่า ดันเข้าสู่ Industry 4.0 คาดเกิดการลงทุน 50,000 ล้านบาท/ปี
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในการผลักดันการใช้ Automation เพื่อพัฒนา Smart Factory 4.0 ในไทยได้ดำเนินการมาเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะ Mitsubishi Electric ที่ร่วมก่อตั้ง EEC Automation Park ที่มหาวิทยาลัยบูรพาให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ระบบ e-F@ctory ซึ่งข้อมูลจากงาน JETRO Manufacturing Digital เมื่อต้นปี 2564 ได้คาดการณ์ว่า ตลาด IOT & Digital ของโลกภายในปี 2568 จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นสัดส่วนจากเมืองอัจฉริยะ 28.6% และจากภาคอุตสาหกรรม 26.4% หรือประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
และภาคเอกชนญี่ปุ่นยังประเมินอีกว่า หากนำ IOT & Automation มาใช้จะช่วยให้ลดภาระงานลงกว่า 1,131 ชั่วโมง/เดือน ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจจากสถานการณ์ของ COVID-19 ยังเป็นตัวเร่งสำคัญให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มีการนำเข้าและลงทุน Robotics & Automation เพิ่มขึ้นมาก การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมและการเพิ่มทักษะแรงงาน Digital Technologies, Automation และ Digital Platforms จึงถือเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทย จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพการผลิต (Productivity) เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการแข่งขัน (Competitiveness) ในตลาดโลกได้
และเพื่อต่อยอดแนวคิดนี้ให้สำเร็จ จึงจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือเชิงธุรกิจ Ecosystem นำศักยภาพของเครือข่ายมุ่งขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้ Robotics & Automation เพื่อให้เกิด Industry 4.0 ขึ้นจริงใน EEC และดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve
ซึ่ง EEC ได้ตั้งเป้าให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5G, Digital, Smart Factory, Data Center, Cloud Services, Digital Platforms มูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท/ ปี ภายใต้การให้บริการ 5G ในพื้นที่ EEC ที่ครอบคลุมถึง 100%
นอกจากนี้ EEC Automation Park ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้าน Robotics, Automation ผ่านกลไกการขับเคลื่อนโดย EEC-HDC ศูนย์เครือข่าย EEC Net และการส่งเสริมให้มีการรับรองทักษะตามมาตรฐานสากล (Skill Qualification) เพื่อให้มีทักษะและผลิตภาพแรงงาน หรือ Labor Productivity สูงขึ้นด้วยมาตรฐานสากล ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญให้เกิดการลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก โดยตั้งเป้าอย่างน้อย 2,000 คน/ ปี หรือ 15,000 คนภายใน 5 ปี
นายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO กล่าวว่า ตามรายงานของสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ ยอดขายประจำปีของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วโลกเติบโตขึ้นโดยเฉลี่ย 13% ต่อปีในช่วง 10 ปีตั้งแต่ปี 2010 – 2020 แม้ว่าตลาดจะหดตัวในระยะสั้น จากเหตุอันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 แต่ในระยะกลางถึงระยะยาวนั้น วิกฤตครั้งนี้อาจจะกระตุ้นให้คนใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งก็เป็นโอกาสการเติบโตสำหรับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ทั่วโลกอีกด้วย และย้อนไปในปี 2019 ญี่ปุ่นเป็นตลาดอันดับที่ 2 (รองจากจีน) และไทยเป็นตลาดอันดับ 1 ในประเทศอาเซียน
ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมการผลิตจำนวนมาก และบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยก็มีจำนวนมากเช่นกัน แต่ความท้าทายคือการรักษาความสามารถในการแข่งขันเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าในฐานการผลิตที่สำคัญต่อไปนั้น ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติจะแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยลดเวลาในการผลิตและยังตรวจจับความผิดปกติของไลน์ผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย
โดย Mitsubishi Electric เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ที่ยาวนานในระบบอัตโนมัติในโรงงาน เช่น หุ่นยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยเทคโนโลยีและความรู้ของญี่ปุ่นจะเผยแพร่สู่ประเทศไทยผ่านทาง EEC Automation Park แห่งนี้ ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศไทย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า EEC Automation Park จะสามารถส่งเสริมและผลักดันเกี่ยวกับการปรับใช้ระบบอัตโนมัติของโรงงานและการเพิ่มผลผลิตในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของทาง JETRO เองได้มีการดำเนินโครงการ “JETRO Robot Automation Project” ในปีที่แล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากสำนัก EEC ทั้งการจัดตั้งเว็บไซต์พิเศษ, การสัมมนาออนไลน์ และการประชุมทางธุรกิจ นอกจากนี้ในการฝึกอบรม SI ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแนะนำหุ่นยนต์อัตโนมัติ ซึ่ง JETRO Bangkok ก็ยังได้เข้าร่วมและสนับสนุนการฝึกอบรมนี้ ผ่านโครงการ “LASI (Lean Automation System Integrators)” ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีวิศวกรมากกว่า 900 คนที่ได้เข้าร่วมเรียนในหลักสูตรนี้
นายอภิชาต ทองอยู่ ประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC-HDC) ซึ่งรับผิดชอบด้านการพัฒนาบุคลากรและการศึกษา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินงานร่วมกับ 8 มหาวิทยาลัย ในพื้นที่ EEC และกับมหาวิทยาลัยนอกเขต EEC อีก 20 มหาวิทยาลัย และพัฒนาความร่วมมือกับ 40 วิทยาลัยระดับอาชีวศึกษาในพื้นที่ โดยพุ่งเป้าผลิตบุคลากรด้านออโตเมชั่นตามโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ดิจิทัล โรโบติกส์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์สมัยใหม่ และโลจิสติกส์ ซึ่งในกลุ่มความต้องการบุคลากรกลุ่มนี้มีความต้องการตามแผนการลงทุนใน EEC ใน 5 ปีนี้รวมทั้งสิ้นราว 375,624 คน
นายวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า Mitsubishi Electric Group ได้เริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ โดยประมาณ 50 ปี ที่ได้ทำให้คนไทยมีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์รูปเพชรสามแฉกมายาวนาน และเข้าใจดีถึงความหมายอันลึกซึ้งด้านคุณภาพและเทคโนโลยีของเรา ไม่ว่าจะเป็น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ปรับอากาศ สินค้าระบบอาคารหรือที่เข้าใจกัน คือ ลิฟต์และบันไดเลื่อน อุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบไฟฟ้าและพลังงานมากมาย ซึ่งมีกลุ่มบริษัท Mitsubishi Electric ในประเทศไทยรวมแล้วทั้งหมด 11 บริษัท และได้มีการจัดตั้งโรงงานทั้งใน EEC และนอก EEC ด้วยยอดขายประมาณ 120,000 ล้านบาท มีการสร้างงานให้คนไทยประมาณ 20,000 คน และอีกผลิตภัณฑ์สำคัญที่ทำให้เรามารวมตัวทำความร่วมมือกันในวันนี้ คือ ระบบอัตโนมัติสำหรับโรงงานและอาคาร โดยเราได้เริ่มนำ โซลูชั่น e-F@ctory เข้ามาในเมืองไทยเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ด้วยเชื่อว่า Key Success
สำหรับการยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เป็นอุตสาหกรรม 4.0 นั้น ประกอบด้วย 3 ฟันเฟืองหลัก ได้แก่ 1. Machine Automation 2. Digital Engineering และ 3. Human Knowledge แต่การดำเนินงานเพียงลำพังนั้นไปได้ค่อนข้างช้า และไม่ก่อให้เกิดความสำเร็จในวงกว้าง การได้ร่วมงานกับหน่วยงาน EEC-HDC ทำให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคการศึกษา และวันนี้ความร่วมมือนั้นก็ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ระดับหนึ่งแล้วที่ EEC Automation Park และการจะต่อยอดความสำเร็จต่อไปในภาคอุตสาหกรรมไทย คือการสร้าง Ecosystem ให้เกิดความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมไทย ที่ช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการสายโรงงาน และสถานศึกษาได้เรียนรู้ ปรึกษาหารือในเทคโนโลยีใหม่ ๆ
นายไพบูลย์ ลิ้มปิติพานิชย์ ผู้อำนวยการ EEC Automation Park กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินโครงการในส่วนต่าง ๆ ว่า EEC Automation Park เป็นศูนย์เครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมและบุคลากร ด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และดิจิทัล เพื่อผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) โดยเป็นแหล่งรวมเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาและเรียนรู้ระบบสายการผลิตอัตโนมัติแบบดิจิทัล (IIoT) และการใช้เทคโนโลยี 5G อีกทั้งยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะความชำนาญให้แก่บุคลากรที่จะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 25 หลักสูตร รวมถึงการให้บริการข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ในรูปแบบ Business Matching โดยใช้ผลิตภัณฑ์จากบริษัทในกลุ่มพันธมิตรเพื่อให้เกิดการนำไปใช้พัฒนาอุตสาหกรรมได้จริง รวมถึงบริการด้านการให้คำปรึกษาการปรับปรุงการผลิตแก่ภาคอุตสาหกรรม การจัดหาแหล่งทุน และบริการพื้นที่ Industrial Sandbox เพื่อพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ผ่านความร่วมกับกลุ่มพันธมิตรโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ EEC
นายบวร เทียนสวัสดิ์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาโครงการและกลุ่มพันธมิตร กล่าวถึงภาพรวมในการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตตามแนวทาง e-F@ctory และหลักการ SMKL – Smart Manufacturing Kaizen Level ว่า Mitsubishi Electric และกลุ่ม e-F@ctory Alliance ได้ร่วมกัน เป็นที่ปรึกษาในการนำโซลูชั่นต่างๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน ปัจจุบันมีพันธมิตรเข้าร่วมกลุ่ม e-F@ctory Alliance เพื่อพัฒนาสินค้าและโซลูชั่นกว่า 900 บริษัท มีการนำโซลูชั่นไปใช้จริงแล้วมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยเริ่มโครงการ e-F@ctory Alliance ในปี 2019 โดยในปัจจุบันมีพันธมิตรกว่า 58 บริษัท ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ของผู้ประกอบการในความต้องการพัฒนากระบวนการผลิต ไปสู่ Industry 4.0
โดยโครงการ e-F@ctory Alliance นั้น เราได้แบ่งกลุ่มพันธมิตรออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Software Partner, Device Partner และ System Integration Partner เรามีการทำงานร่วมกัน แบ่งปันเทคโนโลยี ความรู้ และพัฒนาโซลูชั่นเพื่อนำเสนอให้กับภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้เรายังมีพันธมิตรส่วนเสริมอื่น ๆ อีก เช่น Education Partners ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมพัฒนาบุคลากรของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นหัวใจหลักตามแนวทางของ e-F@ctory + SMKL (Smart Manufacturing Kaizen Level)”
อ่านข่าวต้นฉบับ: EEC ตั้งเป้าดึง 5G ลงทุน 50,000 ล้าน/ ปี ดันอุตฯหุ่นยนต์-ปรับตัวการผลิต
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจการค้า