ส.อ.ท.หวั่นอุตสาหกรรมแอร์ขยาดทิ้งไทย หลัง “อินโดนีเซีย” ตั้งกำแพงสกัดสินค้านำเข้าจากไทย ฉุดตลาดส่งออกสูญ 3,200 ล้าน เคราะห์ซ้ำตลาดทดแทน “ฟิลิปปินส์-อินเดีย” ยังออกมาตรการเข้มนำเข้าอีก ลุ้น สมอ.-พาณิชย์ ถกเวที WTO ปลดล็อก พ.ย.นี้ หวังปัจจัยบวกเวิร์กฟรอมโฮมหนุนเป้าหมายปี’65 ฟื้น 10%
นางสุภาณี จันทศาศวัต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมแอร์กำลังประสบกับปัญหาการกีดกันทางการค้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้กำหนดมาตรการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เริ่มบังคับใช้เมื่อปี 2563 และมีเป้าหมายให้เหลือเพียง 35% ภายในปี 2565
สุภาณี จันทศาศวัต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
โดยอินโดนีเซียกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าต้องขอใบอนุญาตซึ่งจะมีอายุ 3-5 ปี จากเดิมที่ขออนุญาตเพียงครั้งเดียวก็สามารถขำได้แบบไม่มีจำกัดระยะเวลา และภายหลังแม้ไทยจะยื่นขอใบอนุญาตใหม่ได้ก็ไม่สามารถส่งออกไปได้เนื่องจากติดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในที่สุดก็ไม่สามารถส่งออกสินค้าได้
“มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกแอร์ของไทยปี 2564 แม้ว่าอินโดนีเซียจะไม่ใช่ตลาดหลักในการส่งออก แต่ก็สร้างอุปสรรคให้กับผู้ผลิตในประเทศไทยอย่างมาก โดยปี 2562 ไทยส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซีย 305.23 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท ปี 2563 เหลือเพียง 206.59 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,800 ล้านบาท มีสัดส่วนส่งออก 3.97% ติดลบ 32.32%”
“กลุ่มยอมรับกฎกติกาดังกล่าวและปรับตัวตามที่อินโดนีเซียกำหนดและปรับตัวด้วยการผลิตสินค้ารุ่นใหม่ที่ยังไม่ถูกกีดกันและไปที่ตลาดต้องการ เช่น รุ่นที่สามารถใส่เทคโนโลยีนวัตกรรมฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ สินค้าที่ตกค้างส่งไปขายประเทศเป้าหมายใหม่ เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่ตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ที่มีความต้องการสูงอย่างปากีสถาน บังกลาเทศ”
อย่างไรก็ตาม นอกจากอินโดนีเซียแล้วยังมีประเทศผู้นำเข้ารายอื่น ทั้งฟิลิปปินส์ อินเดีย ที่มีการใช้มาตรการเช่นกัน โดยเฉพาะที่หนัก คือ อินเดีย ที่รัฐประกาศโดยไม่แจ้งล่วงหน้า สินค้าที่อยู่ระหว่างขนส่งจึงต้องขอผ่อนผัน หากการเจรจาไม่สำเร็จ เชื่อว่าจะส่งผลให้เราต้องสูญเสียตลาดไปไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตแอร์รายใหญ่จากไทย ซึ่งมีการส่งออกไปอินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมื่ออินโดนีเซียใช้มาตรการกีดกันแบบนี้ อาจทำให้ผู้ผลิตกลุ่มนี้ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากไทยไปลงทุนที่อินโดนีเซียแทนก็ได้
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมแอร์ปี 2564 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2563 ที่มีมูลค่า 23,000 ล้านบาท เนื่องจากการทำงานที่บ้าน (WFH) ทำให้พฤติกรรมการใช้แอร์เพิ่มขึ้น ส่วนปี 2565 ยังเชื่อจะกลับมาเติบโตดีขึ้น จากตลาดส่งออกที่ประเทศคู่ค้าเริ่มฟื้นตัว และงานซ่อม สร้าง จากการเริ่มกลับมาเปิดกิจการของธุรกิจโรงแรมและเรียลเอสเตต ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ โตได้ประมาณ 10%
ทั้งนี้ปัจจุบันไทยผลิตแอร์ประมาณ 10 ล้านชุด ขายในประเทศ 1.5 ล้านชุดที่เหลือส่งออก 8.5 ล้านชุด หรือกว่า 85% โดยไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน (ปี 2563 มีมูลค่าส่งออก 5,197.73 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 171,525 ล้านบาท ลดลง 5.19% จากปี 2562)
ล่าสุดนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ได้ขอเจรจากับทางรัฐบาลอินโดนีเซีย รวมถึงฟิลิปปินส์และอินเดีย เนื่องจากมาตรการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศดังกล่าว ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศของไทย ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกติกาสากลที่องค์การการค้าโลก (WTO) กำหนดไว้ เป็นการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (nontariff barriers : NTBs) หากไม่ยกเลิกมาตรการดังกล่าว สมอ.จะหยิบยกเป็นประเด็นหารือในเวทีการประชุมคณะกรรมการมาตรการทางเทคนิค (Committee on TBT) ครั้งที่ 85 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 พ.ย. 2564 ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
“มาตรการที่อินโดนีเซียใช้ และทางฟิลิปปินส์ที่กำหนดให้ต้องปิดฉลากประหยัดพลังงาน เพื่อแสดงประสิทธิภาพพลังงานที่ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ และหลอดไฟ รวมถึงอินเดียที่ประกาศห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าเรียบร้อยแล้วไม่สามารถส่งออกได้ ทำให้มีปริมาณสินค้าตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้ง 3 ประเทศจึงต้องเร่งเจรจา เพราะไทยสูญเสียโอกาสการส่งออก”
อ่านข่าวต้นฉบับ: ส่งออกแอร์สูญ 3 พันล้าน “อินโดนีเซีย” ตั้งการ์ดนำเข้า
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจการค้า