เฮิร์บ เทรเชอร์ ประกาศลุยกัญชงเต็มสูบ มั่นใจอนาคตสดใส ทุ่ม 250 ล้าน ลุยปลูกเฟสแรกเบาะ ๆ 90 โรงเรือน 30 ไร่งัดเทคโนโลยีสมาร์ทกรีนเฮาส์-พัฒนาคุณภาพสายพันธุ์
พร้อมส่งออกป้อนตลาดยุโรป-อเมริกา-ญี่ปุ่น-เกาหลี โกยรายได้ ก่อนต่อยอดจับมือคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งสร้างการเติบโต ย้ำเป้าผู้นำกัญชงครบวงจร
นางสาวรมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกัญชงต้นน้ำยันปลายน้ำ ในเครือบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า
ปัจจุบันข้อมูลจาก BDSA Market Research ระบุว่า ตลาดกัญชงโลกมีมูลค่าประมาณ 21.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 48% และคาดว่าในอีก 3 ปีจะขยายตัว
โดยมีมูลค่าสูงถึง 48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยประโยชน์ของกัญชงที่สามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง และการแพทย์
ขณะที่ประเทศไทยแม้จะเพิ่งเริ่มปลดล็อกกัญชงได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญในเอเชียที่ได้บุกเบิกตลาดกัญชงเป็นประเทศแรก ๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในปี 2567 ตลาดกัญชงในประเทศไทยจะมีการเติบโตสูงถึง 661 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดกัญชง และเริ่มทำการศึกษาและวิจัยตั้งแต่ปี 2560 และนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงจากต่างประเทศ รวมถึงมีการทำ MOU กับมหาวิทยาลัยนเรศวร
เพื่อพัฒนาและผสมสายพันธุ์กัญชง (breeding) เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ให้สารสำคัญต่าง ๆ ได้มาก และเหมาะกับการเพาะปลูกในประเทศ ขณะนี้กัญชงที่ปลูกให้สาร CBD ไม่ต่ำกว่า 15%
และในอนาคตเตรียมจดทะเบียนชื่อสายพันธุ์เป็นของตนเอง ขณะเดียวกันได้ผสานความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ นำมาใช้พัฒนาการปลูกทั้งการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)
การปลูกกัญชงระบบรากแขวน (aeroponic) และจ่ายธาตุอาหารให้แก่พืชโดยวิธีพ่นสารละลายเป็นละอองฝอย โดยไม่มีการใช้ดิน เพื่อลดต้นทุนด้านดินบางส่วน เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้ดีขึ้นและง่ายต่อการควบคุม
ทั้งนี้ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณราว 250 ล้านบาท สำหรับการปลูกในเฟสแรก โดยจะสร้างโรงเรือนปลูกอัจฉริยะ หรือ smart green house จำนวน 90 โรง บนพื้นที่ประมาณ 30 ไร่
โดยการลงทุนจำนวนหนึ่งจะเป็นในเรื่องของซอฟต์แวร์ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสง ผ่านระบบ IOT สามารถควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือได้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน GAP ของกระทรวงเกษตรฯ
เพื่อให้ได้มาตรฐานของการส่งออก ซึ่งขณะนี้บริษัทได้รับใบอนุญาตในการส่งออกกัญชงเจ้าแรกของประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังจับมือกับองค์การยาสูบแห่งประเทศไทย เพื่อจะขยายการเพาะปลูกในรูปแบบคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรที่สนใจและยื่นเรื่องเข้ามาราว 1,000 ราย
รวมเป็นพื้นที่ปลูกมากกว่า 4 หมื่นไร่ และอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือก ขณะเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาไพรเวตบล็อกเชนของตนเองขึ้นมา เพื่อรองรับการควบคุมผลผลิตในแต่ละฟาร์มโดยเฉพาะ
ซึ่งระบบดังกล่าวจะสามารถตรวจเช็กได้ว่าวัตถุดิบกัญชงมาจากฟาร์มใด และในอนาคตอาจมีการแจกเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรฟรี เพื่อให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูกและบริษัทเป็นผู้รับซื้อผลผลิต
และนำไปจำหน่ายทั้งรูปแบบการขายส่งและการสกัดแปรรูป CBD CBG CBN CBC ในลักษณะน้ำมัน ไอโซเลต หรือคริสตัล เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องดื่มเครื่องสำอาง ยา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วง 2-3 ปีแรก บริษัทจะเน้นการทำกัญชงในรูปแบบขายวัตถุดิบและรับผลิตสินค้า (OEM) โดยแบ่งสัดส่วนตลาดในประเทศ 50%
และตลาดต่างประเทศ 50% ขณะที่วัตถุดิบอีกส่วนหนึ่งอาจเก็บไว้พัฒนาสินค้าของตนเอง ซึ่งปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สนใจและติดต่อมาบ้างแล้ว
ทั้งยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลี มีทั้งการซื้อวัตถุดิบ และการจ้างผลิตสินค้า อาทิ เครื่องสำอาง สกินแคร์ เครื่องดื่ม ทิงเจอร์
“การเข้ามาลงทุนในเฮิร์บ เทรเชอร์ของโรจนะ สร้างความได้เปรียบในแง่การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ เนื่องจากโรจนะมีเครือข่ายลูกค้ามากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทยังเตรียมขยายสายงานเอดูเคชั่นในปี 2565 เมื่อการเปิดประเทศเริ่มเข้าที่ โดยจับมือกับประเทศแคนาดา ซึ่งมีโนว์ฮาวเรื่องกัญชงที่ดี จะยิ่งหนุนให้อุตสาหกรรมกัญชงไทยโตมากขึ้น ธุรกิจกัญชงยังมีโอกาสอีกมากในตลาดโลกและเอเชีย
สะท้อนได้จากมูลค่าการเติบโตที่สูงขึ้นมากในแต่ละปี เป้าหมายของบริษัทในอนาคตคือการก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 ผู้นำธุรกิจกัญชงที่ครบวงจร” นางสาวรมย์ชลีย้ำ
อ่านข่าวต้นฉบับ: “เฮิร์บเทรเชอร์” เปิดเกมรุกส่งออกกัญชง
Link : Read More
Credit : https://www.prachachat.net
Tags : #ข่าวธุรกิจ #ธุรกิจ-การตลาด